มะม่วงหิมพานต์ Cashew
การไปเที่ยวภาคใต้คราวนี้
นอกจากได้สัมผัสธรรมชาติอันสวยงามแล้ว
ยังได้ลิ้มลองรสชาติของใบมะม่วงหิมพานต์เป็นของแถม
เคยได้รู้และได้ยินมาว่า
ถ้าอยากลิ้มลองรสชาติของใบมะม่วงหิมพานต์ให้ลองสอดส่องสายตามองไปที่กระจาดผักเหนาะของขนมจีนน้ำยาปักษ์ใต้
หรือผักแกล้มจิ้มพริกปลาร้า แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เคยได้ลิ้มลอง
จนคราวนี้เองที่ได้ล่องใต้สัมผัสน้ำยาปักษ์ใต้ของแท้ รสชาติดุเดือด เผ็ดเสียจนหุบปากแทบไม่ลง มือซ้ายก็ฉวยใบไม้ใบหนาๆ ผิวใบมันๆ
สีเขียวเข้ม รูปไข่ ใส่ปาก
เคี้ยวไปพร้อมกับขนมจีน
ใบอะไร ฝาดหน่อยๆ อร่อยดี
มีกลิ่นหอมแถมพกมาหน่อยๆ ด้วย
ขนมจีนน้ำยารสเผ็ดจัด
คนที่ไม่คุ้นเคยอาจทำให้ท้องไส้ปั่นป่วนได้เหมือนกัน แต่ลองได้แกล้มกับใบมะม่วงหิมพานต์แล้ว
ด้วยความฝาดเล็กน้อยนี้เองจะช่วยบรรเทาอาการปั่นป่วนในท้อง ท้องร่วงได้ชะงัดนัก
เมื่อสืบสาวถึงต้นกำเนิดแล้ว
มะม่วงหิมพานต์เป็นไม้ดั้งเดิมของชาวบราซิล อยู่ร่วมวงศ์กับมะม่วงทั้งหลายราว พ.ศ. 2444 สันนิษฐานว่า
เจ้าพระยารัษฎานุประดิษฐมหิศรภักดี
ได้นำพันธุ์จากมาเลเซียมาปลูกที่จังหวัดตรังจากนั้นมาก็แพร่หลายไปทั่วประเทศไทย
ซึ่งปลูกกันมากทางภาคใต้และอีสาน
ชื่อของมะม่วงหิมพานต์มีหลากหลายชื่อ
เช่นกาหยู ยาโหย แต่ที่ประทับใจมากเห็นจะเป็นหัวครก
(ออกเสียงสำเนียงใต้)ลูกมะม่วงหิมพานต์เมื่อสุกจะมีทั้งสี เหลืองจัด และสีแดงคล้ำ
มีรสเปรี้ยวอมหวาน กลิ่นหอมประหลาด ส่วนนี้จริงๆ แล้วเป็นผลเทียม
ส่วนผลจริงจะเป็นส่วนที่เรียกว่ากันทั่วไปว่า เมล็ด มีรูปร่างคล้ายไต
ที่เราผ่าเอาเนื้อข้างในมาคั่วหรือทอดใส่ยำต่างๆ นั่นเอง
ผลเทียมที่ยังไม่สุกจะเละ
ชาวใต้เขาเอามายำกินกันเรียกว่า ยำหัวครก โดยเอามาสับแบบมะม่วง แล้วบีบน้ำออก
ยำกับกุ้งสีคล้ำๆ ได้รสชาติแปลกไปอีก
แบบ หรือจะเอาไปแกงส้มก็ไม่เลว
จะหากินก็คงยากสักหน่อย แต่ถ้ามีโอกาสขับล่องใต้ตั้งแต่ช่วงจังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป ลองสังเกตทางซ้ายมือ
แล้วจะเห็นต้นมะม่วงหิมพานต์ขึ้นเป็นแถวอยู่ริมถนน
จะจอดรถลงเก็บยอดบ้างคงไม่มีใครว่า แต่ถ้าในกรุงเทพฯ ตามตลาดเทเวศร์ พรานนก
จตุจักร อาจพอมียอดมะม่วงหิมพานต์ให้ลองกินบ้าง
ยอดมะม่วงหิมพานต์เป็นผักที่ให้พลังงานสูง รวมถึงโปรตีนจากผัก เมื่อกินสดๆ
ยังให้วิตามินซีที่ช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟัน ช่วยสร้างเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน(Collagen) ที่ทำให้กล้ามเนื้อและกระดูกแข็งแรง
ช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กจากร่างกายไปใช้ได้เต็มที่วิตามินซีช่วยป้องกันมะเร็งกระเพาอาหารและลำไส้เพราะวิตามินจะยับยั้งไม่ให้สารในไตร์ท(Nitrite) ที่มีผสมอยู่ในอาหารเนื้อสัตว์ เช่น ไส้กรอก กุนเชียง ฯลฯ และอาหารอื่นๆ
ประเภทอีกหลายชนิด เปลี่ยนเป็นสารก่อมะเร็ง ไนโตรซามิน (Nitrosamine) เมื่อตกถึงกระเพาะอาหาร นอกจากนี้ใบมะม่วงหิมพานต์ยังให้เบต้า-แคโรทีนวิตามินซีและเกลือแร่เช่นเดียวกับเพื่อนผักใบเขียวเข้มอื่นๆด้วย
ผักทั้งหลายนอกจากความอร่อยที่แตกต่างในมื้ออาหารแล้ว
ยังให้คุณค่าอีกมากมายที่เราไม่เคยนึกถึง ในขณะที่สภาพสิ่งแวดล้อม
สภาวะสังคมเสื่อมลง เราน่าจะหาสิ่งที่เพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับตัวเองบ้าง
ให้โอกาสกับผักสีเขียวได้ร่วมสร้างบ้างเถอะ
ชื่อผัก
: มะม่วงหิมพานต์
ชื่อวิทยาศาสตร์: Anacardium occidentale Linn.
วงศ์:
Anacardiaceae
ตารางแสดงคุณค่าอาหารส่วนที่กินได้
100 กรัม
|
|||
พลังงาน
|
โปรตีน
|
ไขมัน
|
คาร์โบไฮเดรต
|
กิโลแคลอรี
|
กรัม
|
||
100
|
5.2
|
0.6
|
23.1
|
ตารางแสดงคุณค่าอาหารส่วนที่กินได้
100 กรัม
|
||||||
แคลเซียม
|
ฟอสฟอรัส
|
เหล็ก
|
วิตามินบี
1
|
วิตามินบี2
|
ไนอาซิน
|
วิตามินซิ
|
มิลลิกรัม
|
||||||
-
|
-
|
-
|
0.01
|
0.01
|
1.4
|
89
|
ตารางแสดงคุณค่าอาหารส่วนที่กินได้
100 กรัม
|
|
เบต้า-แคโรทีน
|
ใยอาหาร
|
RE
|
กรัม
|
103*
|
-
|
กองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข.
ตารางแสดงคุณค่าทางโภชนาการของอาหารไทย .2535.
*วิเคราะห์โยสถาบันวิจัยโภชนาการ
มหาวิทยาลัยมหิดล
RE ไมโครกรัมเทียบหน่วยเรตินัล
–ไม่มีการวิเคราะห์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น