สะเดา Neem tree
ชีวิตเล็กๆ ที่เรามองไม่เห็น ที่ลอยอยู่ในอากาศ
ในน้ำ ติดอยู่ตามเก้าอี้ ตามโต๊ะ ที่เบาะ ที่แก้วน้ำ ที่ช้อน
ที่ไหนต่อไหนอีกหลายแห่งเป็นเพื่อนร่วมโลกที่มีงานทำกันคนละหลายๆ
อย่างบางครั้งงานของเขา ก็ทำเราป่วยได้ แต่บางทีเราก็อยู่ร่วมกับเจ้าของผลงานความเจ็บป่วยได้โดยไม่ป่วย
ใครที่ร่างกายแข็งแรง สมบูรณ์ ถ้านั่งอยู่กับคนที่เป็นหวัด ไม่จำเป็นต้องติดหวัด
ถึงเชื้อหวัดเข้าสู่ร่างกายแล้วก็ไม่เป็นหวัด
เพราะร่างกายมีกองทัพเม็ดเลือดขาวที่เป็นตำรวจสายตรวจจิ๋ว ทำงานให้เราอยู่แล้ว
สะเดา
มีสารอาหารที่เป็นผู้ช่วยของระบบคุ้มกันร่างกายที่ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงรักษาความป่วยเจ็บ
แต่ก้าวหน้ากว่านั้นด้วยการป้องกันร่างกาย ก่อนป่วย หน้าเบ้ กินเข้าไปยังไง
สะเดาขมชนิดวางรูปหน้าไม่ถูก
บางคนยังนึกไปไกลว่าขืนกินสะเดาแล้วมีนักข่าวมาเห็นเข้า เป็นได้ออกรายการสะเก็ดข่าวแน่ๆ
พิธีกรอาจจะ ประกาศกินสะเดาแล้ว ใบหน้าเกินบรรยาย เกินยังไงดูกัน
เรากินใบอ่อนและช่อดอกของสะเดา สะเดาธรรมดานั้น
ลวกแล้วคลายความขม ขมมากก็ลวกหลายครั้ง ถ้าเป็นสะเดาจืด สะเดามัน
สะเดาหวานอาจลวกครั้งเดียว กินกับน้ำปลาหวาน ปลาดุกย่าง ที่กินกับน้ำปลาหวานก็เพื่อคลายความขมนั้นเอง
เป็นการออกแบบชุดอาหารให้ได้รสชาติและคุ้มค่า ผู้ที่ออกแบบนั้นเป็นวิศวกรโภชนาการที่มีฝีมือจริงๆ
ว่ากันว่าคนที่มีอายุมาก ชอบของขม
แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ คนแก่ไม่แก่ วัดตรงไหน ว่ากันมาเหมือนกันว่า“คนจะสวย สวยจรรยาใช่ตาหวาน คนจะแก่ แก่ปัญญาใช่อยู่นาน”
เพราะฉะนั้น
ใครที่รู้เรื่องของสะเดาว่าดีขนาดไหนก็คงจะหันมาร่วมวงสะเดาน้ำปลาหวาน ปลาดุก
ย่างกัน ได้เป็นการฉลาดยิ่ง อร่อยเยี่ยม และช่วยให้ร่างกายแข็งแรง
อยู่ร่วมกับชีวิตที่เรารักได้โดยไม่ป่วยไม่ไข้
สะเดา ซึ่งมีชื่อภาอังกฤษว่า Neem
นั้น สำคัญจนเกิดองค์กรที่ชื่อ Neem Assoclation มี Home Page อยู่บนทางด่วนข้อมูล
ฐานปัญญาสากลทีเดียว ที่นี่เป็นฐานรวบรวมความรู้ต่างๆ เกี่ยวกับสะเดาไว้หลาย
แง่หลายมุม
สะเดายังไม่ได้รับการศึกษาอย่างเป็นล่ำเป็นสัน
ในโลกวิทยาการของทางตะวันตก แต่น่าตื่นเต้นไม่ได้มาจากวิทยาศาสตร์อย่างเดียวเท่านั้น
ลองหลับตานึกถึงบรรยากาศโบราณ ในครอบครัวชาวอินเดีย
เมื่อเด็กเกิดใหม่ชาวอินเดียจะทาผิวเด็กด้วยสมุนไพรและน้ำมัน
วางเด็กลงบนผืนผ้าไหมเนื้อละเอียด แล้วโบกพัดด้วยกิ่งสะเดาที่มีใบพราว
เด็กอินเดียที่ไม่สบายก็จะให้กินน้ำมันสะเดานิดหนึ่ง แต่ถ้าเป็นเป็นแผลจะอาบน้ำ
ต้มใบสะเดาเพื่อรักษา
สะเดาสะสมสิ่งดีๆ ไว้มาก สมกับที่เป็นต้นไม้ใหญ่คนอินเดียผูกพันกับสะเดาที่สุด
ตื่นเข้าใช้กิ่งสะเดาทุบแปรงฟัน ใช้สบู่ที่ทำจากลูกสะเดา แม้แบ่งวรรณะ
แต่ยาสีฟันและยา ซึ่งผู้มีอันจะกินในอินเดียใช้ก็ทำมาจากสะเดาพืชดีเดียวกันนั่นเอง
สภาวิจัยแห่งชาติของอเมริกาทำหนังสือหนา 152 หน้า
ชื่อ Neem:A
Tree for Solving Global Problems ณ
วันนี้สะเดาเป็นต้นไม้ที่แก้ปัญหาโลก ต้นไม้สูงใหญ่ที่ออกยอด
มีใบอ่อนให้กินตลอดปีนี้ เป็นสารอาหารของเรามานานแล้ว เป็นที่พึ่งของเกษตรกรไทย
เป็นต้นไม้ที่แมลงไม่ชอบ จึงใช้ทำยาปราบแมลงศัตรูพืช โดยไม่มีพิษ
สะเดาเป็นอะไรต่อได้อีกมากมาย แทบไม่น่าเชื่อ
ช่อดอกสะเดาที่เรากินได้นั้นออกในหน้าแล้ง
ทางภาคอีสานตอนบน สะเดาออกช่อต้นเดือนพฤศจิกายนตอนล่างแถวๆ สุรินทร์ บุรีรัมย์ออกดอกต้นเดือนธันวาคมดอกสะเดาที่เกษตรกรเก็บมาขายมักจัดเป็นช่อ
เก็บใบแก่ออก เหลือใบอ่อนไว้ให้สวย กินก็ได้ ดูก็สวยดี
ใบสะเดาเป็นอาหารที่เหมาะกับผู้สูงอายุอาจจะเพราะเหตุผลทางยา
Neem
Association แจ้งว่า ใบสะเดาที่กินนั้นช่วยลดความต้องการอินซูลิน
มีรายงานว่า poly-saccharides และ limonoids ที่พบในเปลือก ใบ และ ผลสะเดา ลดความเสี่ยงในการเกิดเนื้องอก
และมะเร็งได้โดยไม่ก่อผลข้างเคียง สะเดายังช่วยรักษาการเต้นของหัวใจให้ลงจังหวะ
สะเดาในฐานะที่เป็นยานั้นเป็นด้านหนึ่ง
ส่วนอีกด้านหนึ่งสะเดาอยู่คู่กับพืชผลต่างๆ เดิมเมื่อเก็บเกี่ยวถั่วข้าวแล้ว
เกษตรกรนำใบสะเดา ผสมในผลผลิตเพื่อป้องกันแมลงเข้ามากินเมล็ดพืช
ใน 3 ปี สะเดาโตจากเมล็ดเป็นต้นไม้สูง 20 ฟุต
และอาจอยู่ได้นานถึง 200 ปี อยู่เป็นผู้คุ้มครองชีวิตอื่นๆ สะเดาเป็นต้นไม้ที่เหมาะจะปลูกเป็นป่ากลางเมือง
เพราะทนความร้อน และมลภาวะทางน้ำ อากาศได้ดี
สะเดาช่วยรักษาโรคต่างๆ ได้หลายโรคที่น่าสนใจคือ
อาการเครียดนั้นจะลดลงเมื่อเจ้าของอาการได้รับสารสกัดจากใบสะเดา
มีการทดลองโดยเปรียบเทียบความเครียดของหนูกลุ่มที่ 1 ที่ได้รับน้ำใบสะเดาคั้น
กลุ่มที่ 2 ได้น้ำเกลือ และกลุ่มที่ 3 ได้ diazepam (Vallum)
ซึ่งเป็นยาลดความกังวลที่ใช้กันมากในปัจจุบัน ผลที่ได้คือ
สะเดาส่งผลได้เท่ากับหรือดีกว่า diazepam
คุณค่าของสะเดาที่เป็นเรื่องทางเภสัชกรรม ยังมีหนทางก้าวหน้าไปกว่านี้อีกมาก
สะเดาในมื้ออาหารของเรามีของดีอยู่ในยอด ในใบอ่อน
ยอดสะเดามีเบต้า-แคโรทีนมาก ชนะยอดตำลึง ผักซึ่งมีเบต้า-แคโรทีน
ตัวตั้งต้นของวิตามินเอมากอยู่แล้วใบตำลึง 1 ขีด ให้เบต้า-แคโรทีน 699.88
ไมโครกรัมเทียบหน่วยเรตินัล ( 1 วันผู้ใหญ่ต้องการวิตามินเอ 800
ไมโครกรัมเทียบหน่วยเรตินัล ) ยอดสะเดา 1 ขีด ให้เบต้า-แคโรทีน ถึง 777.90 ไมโครกรัมเทียบหน่วยเรตินัล
สะเดากินยากกว่าตำลึงเพราะรสชาติขมเป็นอุปสรรค
แต่การกินผักเพื่อความพรั่งพร้อมของร่างกาย ควรกินผักหลากหลายชนิดอยู่แล้ว
จึงควรกินสะเดากับน้ำปลาหวาน และปลาดุกย่างเท่าที่เห็นว่ากำลัง พอดีลิ้น
แล้วกินผักอื่นๆ เสริม การลวกสะเดาเพื่อไม่ให้ขมทำให้วิตามินของสะเดาเสียไปแต่ไม่น่าเสียดายเท่าไรนัก
เพราะวิตามินซีไม่ทนแสง ไม่ทน อากาศ ยอดสะเดากว่าจะเดินทางมาถึงเรา
ก็เสียวิตามินซีไปมากแล้ว ไม่เหมือนเบต้า-แคโรทีน ซึ่งทนทานกว่า
ก็หาวิตามินซีจากผลไม้ก็แล้วกัน ปอกทันที กินทันที ได้วิตามินซี ก่อนจะหายไป
ในขณะที่ปลาทูคู่กับผักสดหลายๆอย่าง
ปลาดุกย่างก็มีคู่ คือ ยอดสะเดาเขียวๆ ที่ให้สุขภาพดีตอบแทนที่เราอุตส่าห์อุดหนุนเกษตรกรที่ปลูกสะเดา
อาหารชุดอย่างสะเดาน้ำปลาหวาน ปลาดุกย่าง เป็นความรู้สึกอีกอย่างที่ Neem
Association ยังไม่ได้รวบรวมไปใส่ไว้ในฐานข้อมูล เรารู้ก่อน
และรู้ก่อนทำก่อน ได้ประโยชน์ก่อนเพิ่มสะเดาในรายการอาหารบ้าง
เพื่อโรคร้ายจะได้ไกล และสุขภาพเราดีขึ้น
ชื่อผัก:สะเดา ชื่อวิทยาศาสตร์:
Azadlirachta indica A. Juss. วงศ์:Meliaceae
ตารางแสดงคุณค่าอาหารส่วนที่กินได้ 100 กรัม
|
|||
พลังงาน
|
โปรตีน
|
ไขมัน
|
คาร์โบไฮเดรต
|
กิโลแคลอรี
|
กรัม
|
||
80
|
6.1
|
0.8
|
12.1
|
ตารางแสดงคุณค่าอาหารส่วนที่กินได้ 100 กรัม
|
||||||
แคลเซียม
|
ฟอสฟอรัส
|
เหล็ก
|
วิตามินบี 1
|
วิตามินบี 2
|
ไนอาซิน
|
วิตามินซี
|
มิลลิกรัม
|
||||||
72
|
118
|
1.2
|
0.07
|
0.07
|
0
|
9.00**
|
ตารางแสดงคุณค่าอาหารส่วนที่กินได้ 100 กรัม
|
|
เบต้า-แคโรทีน
|
ใยอาหาร
|
RE
|
กรัม
|
777.90*
|
11.60*
|
กองโภชนาการ
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. ตารางแสดงคุณค่าทางโภชนาการของอาหารไทย. 2535.
* วิเคราะห์โดยสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยามหิดล** กองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข.
ตารางแสดงคุณค่าอาหารไทยในส่วนที่กินได้
100 กรัม. 2530
RE
ไมโครกรัมเทียบหน่วยเรตินัล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น